ถอดรหัสความเศร้า 5 ความจริงเรื่องการรับมือความสูญเสีย ที่จะช่วยให้ใจคุณแข็งแรงขึ้น

Last updated: 4 พ.ย. 2568  |  127 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ถอดรหัสความเศร้า 5 ความจริงเรื่องการรับมือความสูญเสีย ที่จะช่วยให้ใจคุณแข็งแรงขึ้น

บทนำ: ก้าวผ่านคลื่นอารมณ์แห่งความสูญเสีย

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สังคมไทยของเราต่างเผชิญกับความสูญเสียครั้งสำคัญร่วมกัน หลายคนอาจรู้สึกสับสน ท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายจนไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความโกรธ หรือความว่างเปล่า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ

ท่ามกลางความรู้สึกเหล่านี้ การทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของเราคือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด บทความนี้จะกลั่นกรองคำแนะนำจาก นายแพทย์บุรินทร์ สุรอรุณสัมฤทธิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต เพื่อมอบมุมมองที่ชัดเจนและนำไปใช้ได้จริง นี่คือคู่มือที่จะช่วยให้คุณไม่เพียงแค่ 'ผ่าน' ความเศร้าไปได้ แต่ยังสามารถเติบโตและเข้าใจตัวเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจอารมณ์ของตัวเองและสามารถเป็นที่พึ่งให้กับคนรอบข้างได้อย่างถูกต้อง


1. ความโศกเศร้าไม่ใช่ความสับสน แต่คือการเดินทาง 5 ระยะที่เข้าใจได้

ความรู้สึกที่เหมือนรถไฟเหาะตีลังกาทางอารมณ์หลังเผชิญความสูญเสียนั้นไม่ได้ไร้รูปแบบ แต่เป็นกระบวนการที่จิตใจใช้เพื่อเยียวยาตัวเอง ซึ่งนายแพทย์บุรินทร์ได้อธิบายว่ามักจะดำเนินไปตามลำดับ 5 ระยะ ลองสำรวจดูว่าตอนนี้ความรู้สึกของคุณอาจจะอยู่ในระยะไหน เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจและใจดีกับตัวเองมากขึ้น

ระยะที่ 1: การปฏิเสธ (Denial): เป็นระยะแรกของความตกใจ เราจะรู้สึกว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องจริง" หรือ "มันเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า" เป็นกลไกป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามา
ระยะที่ 2: ความโกรธ (Anger): เมื่อเริ่มรับรู้ความจริง ความรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจอาจเกิดขึ้นได้ เช่น โกรธที่สิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น หรือตั้งคำถามว่าทำไม
ระยะที่ 3: การต่อรอง (Bargaining): เป็นช่วงเวลาที่ใจเราพยายามต่อรองกับความจริง อยากให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม และรู้สึกเสียดายสิ่งที่เคยเป็นมา
ระยะที่ 4: ความเศร้า (Sadness/Depression): เมื่อตระหนักถึงความสูญเสียอย่างแท้จริง ความเศร้าโศกจะเข้ามาแทนที่อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ เช่น เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ใจสั่น หรือน้ำหนักลดลง
ระยะที่ 5: การยอมรับ (Acceptance): เป็นระยะสุดท้ายของการทำความเข้าใจและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการก้าวต่อไปและเยียวยาจิตใจ
การเข้าใจ 5 ระยะนี้ช่วยให้เรารู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ และทำให้เห็นว่ามีเส้นทางที่จะนำเราออกจากความเจ็บปวดได้ในที่สุด


2. การแสดงความเสียใจไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือขั้นตอนสำคัญสู่การเยียวยา

หลายคนอาจเคยถูกสอนให้เก็บความรู้สึกเศร้าไว้ข้างใน เพราะเชื่อว่าการร้องไห้คือสัญลักษณ์ของความอ่อนแอ แต่นายแพทย์บุรินทร์ได้ให้มุมมองที่ตรงกันข้ามว่า การแสดงความรู้สึกเสียใจออกมาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเยียวยาที่ "ปกติและจำเป็น"

การอนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึกเศร้าและยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เราสามารถก้าวไปสู่ขั้นต่อไปได้ นั่นคือการตั้งหลักและคิดว่า "แล้วเราจะทำอะไรต่อ" การเปิดใจยอมรับความรู้สึกของตัวเองจึงไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่เป็นความเข้มแข็งที่จะเผชิญหน้ากับความจริง

จริง ๆ ทางฝั่งของจิตวิทยาเราก็แนะนำ นะครับ ว่าให้แสดงออกออกถึงความรู้สึกเสียใจหรือเสียดาย...เมื่อเกิดแล้ว เรายอมรับ เราจะเริ่มในใจเราจะเริ่มรู้สึกว่า แล้วเราจะทำอะไรต่อ เราจะวางแผนยังไง

 

3. วิธีสื่อสารเรื่องความสูญเสียกับกลุ่มเปราะบาง: เด็กและผู้สูงอายุ

กลุ่มเปราะบางอย่างเด็กและผู้สูงอายุมีวิธีรับมือกับความสูญเสียที่แตกต่างจากคนทั่วไป และต้องการการสื่อสารที่ละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ

✦ สำหรับผู้สูงอายุ (For the Elderly): ท่านอาจไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ แต่อาจแสดงออกผ่านพฤติกรรม เช่น พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ เปิดเพลงเดิมซ้ำๆ ดูรูปเก่าๆ หรือนั่งเหม่อลอย การพูดคุยกับท่านควรใช้ความใจเย็น พูดช้าๆ ชัดๆ และที่สำคัญที่สุดคือการรับฟังอย่างอดทน เพื่อให้ท่านได้มีพื้นที่ในการระบายและประมวลผลความรู้สึกของตัวเอง
✦ สำหรับเด็ก (For Children): เด็กอาจรู้สึก "สับสน" มากกว่า "เสียใจ" เพราะยังไม่เข้าใจความหมายของการสูญเสียอย่างถ่องแท้ การสื่อสารจึงต้องปรับให้เหมาะกับช่วงวัยของพวกเขา:
           ✧ สำหรับเด็กเล็ก: ควรใช้ภาษาที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา อธิบายความหมายของการจากไปในแบบที่เข้าใจได้ง่าย และให้ความมั่นใจว่าพวกเขายังคงปลอดภัยและมีคนดูแล
           ✧ สำหรับเด็กวัยเรียน: เด็กในวัยนี้อาจเริ่มเข้าใจมากขึ้น แต่ยังต้องการการปลอบโยน ควรชวนพูดคุยถึงความรู้สึกของพวกเขาอย่างเปิดอก และให้ความมั่นใจว่าเราจะยังอยู่เคียงข้างเสมอ
           ✧ สำหรับวัยรุ่น: วัยรุ่นเข้าใจความหมายของการสูญเสียในเชิงนามธรรมได้ดีแล้ว สิ่งสำคัญคือการชวนพวกเขาคุยถึงผลกระทบทางอารมณ์ที่เกิดขึ้น และส่งเสริมให้พวกเขาได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เช่น อาจจะลองไปฟังเพลง ไปเล่นดนตรี หรือไปค้นคว้าถึงสิ่งดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขาได้ระบายความรู้สึกและเปลี่ยนพลังความเศร้าให้เป็นสิ่งที่จับต้องได้
 

4. จัดการโซเชียลมีเดียอย่างมีสติ อย่าให้ข่าวสารท่วมท้นจนใจพัง

ในยุคที่ข่าวสารและความคิดเห็นหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด โซเชียลมีเดียอาจกลายเป็นพื้นที่ที่สร้างความเครียดและความสับสนได้ง่าย นายแพทย์บุรินทร์ได้แนะนำวิธีจัดการอย่างมีสติไว้ดังนี้

           ★ เราคือผู้ควบคุม: จำไว้เสมอว่าเรามีสิทธิ์เลือกที่จะรับข่าวสารแค่ไหน ไม่ใช่ให้โซเชียลมีเดียเป็นผู้กำหนดเรา
พักหน้าจอบ้าง (Digital Detox): หากรู้สึกว่าข้อมูลเริ่มท่วมท้น ให้เว้นระยะห่างจากหน้าจอ ตั้งเวลาใช้งานไม่เกินครั้งละ 1 ชั่วโมง เพื่อให้สมองได้พักและเคลียร์ข้อมูลออกไปบ้าง
           ★ ชัวร์ ก่อน แชร์: ตรวจสอบข้อมูลกับสื่อกระแสหลักที่น่าเชื่อถือเสมอ แม้จะ "มาช้า แต่มาชัวร์" เพื่อไม่ให้เราตกเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
           ★ เลี่ยงดราม่า: เมื่อรู้สึกโกรธหรือมีอารมณ์รุนแรง อย่าเพิ่งเข้าไปแสดงความคิดเห็น ให้ถอยออกมาตั้งสติก่อน เพราะการคอมเมนต์ด้วยอารมณ์ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
ถ้าความรู้สึกที่ไม่ดี มันก็คือขยะ เราจะไม่ปล่อยขยะในโซเชียลเยอะ

 

บทสรุป: เปลี่ยนความโศกเศร้าให้เป็นการเติบโต

ความโศกเศร้าไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่เราสามารถเรียนรู้และเติบโตได้ แม้เส้นทางนี้จะเจ็บปวด แต่เมื่อเราเข้าใจกระบวนการของมัน เราจะพบความเข้มแข็งซ่อนอยู่

คำแนะนำที่ทรงพลังที่สุดจากนายแพทย์บุรินทร์คือ การแปรเปลี่ยนพลังงานแห่งความเสียใจและความคิดถึง ให้กลายเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์และการทำความดี นี่คือวิธีการให้เกียรติความทรงจำที่ดีที่สุด นั่นคือการลุกขึ้นมาช่วยเหลือผู้อื่น สานต่อสิ่งดีๆ และหันกลับมาดูแลหัวใจของคนข้างๆ เราให้เข้มแข็งไปด้วยกัน เพราะการเยียวยาที่ดีที่สุด คือการส่งต่อความรักและความห่วงใยต่อไปไม่สิ้นสุด

แล้ววันนี้ คุณจะเปลี่ยนพลังความเศร้าของคุณให้เป็นการกระทำที่ดีในรูปแบบไหน?

 
ที่มา : Facebook กรมสุขภาพจิต รายการพิเศษ "การดูแลสุขภาพจิตของประชาชนหลังเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่" 2 พย. 2568 https://www.facebook.com/THAIDMH/videos/4318483051770415

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้