แค่สังเกต-รับฟัง-ส่งต่อ เปิดหลักการ "3 ส." ดูแลใจคนรอบข้าง ฉบับกรมสุขภาพจิต

Last updated: 4 พ.ย. 2568  |  298 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แค่สังเกต-รับฟัง-ส่งต่อ เปิดหลักการ "3 ส." ดูแลใจคนรอบข้าง ฉบับกรมสุขภาพจิต

          เคยไหมที่เห็นเพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดที่ปกติร่าเริงแจ่มใส แต่วันนี้กลับดูเศร้าซึมผิดปกติ นั่งเงียบๆ ไม่พูดไม่จา จนเราอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นช่วยเหลืออย่างไรดี?

          ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ แต่ข่าวดีคือ เราทุกคนสามารถเป็นผู้ปฐมพยาบาลทางใจได้ เพราะหลักการพื้นฐานของการดูแลใจไม่ได้มาจากตำราที่ซับซ้อน แต่มาจากสิ่งที่พวกเราทำกันอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน นั่นคือ "การใส่ใจผู้อื่น" นั่นเอง และเพื่อทำให้การใส่ใจนั้นเกิดประโยชน์สูงสุด กรมสุขภาพจิตได้มอบหลักการง่ายๆ ที่ทรงพลังที่ชื่อว่า "หลัก 3 ส." บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจหลักการทั้ง 3 ข้อแบบง่ายๆ เพื่อให้คุณมั่นใจและพร้อมที่จะเป็นที่พึ่งทางใจให้คนสำคัญของคุณได้

❖ ส. ที่ 1: สอดส่องมองหา — จุดเริ่มต้นของการใส่ใจคือการ "สังเกต"

          "สอดส่องมองหา" คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด มันคือการที่เราหันมาใส่ใจคนรอบข้าง และสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ผิดไปจากปกติ

          ดร. นายแพทย์นพพร ตันติรังสี ผู้อำนวยการกองบริหารบริการสุขภาพจิต ได้ยกตัวอย่างไว้อย่างเห็นภาพ เช่น การที่เราเห็นเพื่อนร่วมงานที่ปกติเป็นคนร่าเริง แต่วันนี้กลับนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย คิ้วขมวด และก้มหน้าก้มตาอยู่ตลอดเวลา

          การสังเกตเห็นความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ คือหัวใจของ ส. แรก มันไม่ใช่แค่การมองผ่านๆ แต่คือการเปลี่ยนความห่วงใยในใจให้กลายเป็นการลงมือทำขั้นแรก นั่นคือการรับรู้ว่า "มีบางอย่างไม่ปกติ" และคนคนนี้อาจกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเราอยู่

❖ ส. ที่ 2: ใส่ใจรับฟัง — มากกว่าแค่ได้ยิน แต่คือการ "รับรู้" ถึงหัวใจ

          หลังจากที่เรา "สอดส่องมองหา" จนเห็นสัญญาณแล้ว ขั้นต่อไปคือการ "ใส่ใจรับฟัง" ซึ่งเป็นแกนหลักของการช่วยเหลือในกระบวนการนี้ คือการเข้าไปพูดคุยและรับฟังอย่างแท้จริง

การรับฟังอย่างใส่ใจมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้

          ✦ ฟังอย่างตั้งใจ (Listen attentively): แสดงให้เขาเห็นว่าเขาคือคนสำคัญที่สุดในตอนนี้ วางโทรศัพท์มือถือลง สบตากับเขาเพื่อให้เขารับรู้ว่าเราพร้อมจะฟังอย่างเต็มที่ หากมีสายเรียกเข้า ถ้าไม่ใช่สายสำคัญจริงๆ ก็อาจเลือกที่จะตัดสายทิ้งให้เขาเห็นเลย เพื่อสื่อสารว่า "คนที่อยู่ตรงหน้าสำคัญกว่า"
          ✦ ฟังด้วยใจ (Listen with your heart): นี่คือส่วนที่ลึกซึ้งที่สุด การฟังไม่ได้มีแค่การใช้หูเพื่อรับรู้ "เรื่องราว" แต่คือการใช้ใจเพื่อรับรู้ถึง "ความรู้สึก" ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูด ไม่ว่าจะเป็นความเสียใจ ความผิดหวัง หรือความโกรธ
          ✦ สรุปความและถามไถ่ (Summarize and inquire): เมื่อฟังจบ ลองสรุปสิ่งที่เราเข้าใจให้เขาฟัง เช่น "ตกลงที่เธอเศร้าเนี่ย เธอเศร้าเรื่องนี้ใช่ไหม" เพื่อทบทวนว่าเราเข้าใจตรงกัน และตั้งคำถามในประเด็นที่ยังสงสัย เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น
"ถ้าใช้หูฟังอย่างเดียวเนี่ย ได้แค่เนื้อหา แต่ว่าถ้าใช้ใจฟังเนี่ย จะรับรู้ไปถึงจิตใจเขาด้วย"

          เป้าหมายสูงสุดของการรับฟัง คือการเข้าใจให้ได้ว่าเขากำลังเผชิญกับเรื่องอะไร รู้สึกอย่างไร และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องจับประเด็นให้ได้ว่า "เขาต้องการความช่วยเหลืออะไร"

❖ ส. ที่ 3: ส่งต่อเชื่อมโยง — เปลี่ยนความห่วงใยให้กลายเป็นการช่วยเหลือที่จับต้องได้

          "ส่งต่อเชื่อมโยง" คือขั้นตอนสุดท้ายที่เปลี่ยนความห่วงใยให้กลายเป็นการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม หลังจากที่เราเข้าใจปัญหาและความต้องการของเขาแล้ว เราจะมาช่วยกันหาทางออก

การส่งต่อความช่วยเหลือมี 2 แนวทางหลัก คือ

          ✦ ช่วยเหลือโดยตรง: หากปัญหานั้นอยู่ในขอบเขตที่เราสามารถช่วยเหลือได้ เราก็สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยได้ทันที
          ✦ เชื่อมโยงไปยังผู้ช่วยเหลือ: หากปัญหานั้นใหญ่เกินความสามารถของเรา สิ่งสำคัญคือการช่วยเชื่อมโยงหรือแนะนำให้เขาไปพบกับบุคคลหรือแหล่งช่วยเหลือที่เหมาะสม
นอกจากนี้ เรายังสามารถช่วยเขาคิดหาทางออกของปัญหาอย่างเป็นระบบได้ด้วยเทคนิคต่อไปนี้

        1. ระดมสมองหาทางแก้: ชวนเขาคุยว่าปัญหานี้มีทางแก้ไขกี่วิธี ลองช่วยกันลิสต์ออกมาให้ได้มากที่สุด

        2. จัดลำดับความสำคัญ: นำทางแก้เหล่านั้นมาจัดลำดับ โดยใช้หลักการคือ เลือกวิธีที่ "ง่าย เป็นไปได้ และเห็นผลไวที่สุด" ขึ้นมาก่อน

        3. ทดลองและประเมินผล: ชวนให้เขาลองลงมือทำตามวิธีแรกที่เลือกไว้ ถ้าได้ผลก็ถือว่ามาถูกทาง แต่ถ้าไม่ได้ผล ก็กลับไปเลือกวิธีที่สองในลิสต์มาทดลองต่อไป

สิ่งสำคัญที่ต้องย้ำกับเขาคือ หากลองพยายามด้วยตัวเองจนสุดความสามารถแล้วยังไม่สำเร็จ ต้องกล้าที่จะลุกขึ้นมาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นหรือผู้เชี่ยวชาญต่อไป

Your Care Matters: พลังของการใส่ใจอยู่ในมือคุณ

หลักการ "3 ส." (สอดส่องมองหา, ใส่ใจรับฟัง, ส่งต่อเชื่อมโยง) คือวงจรแห่งการดูแลที่เรียบง่ายและทรงพลัง ซึ่งทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของใครสักคน เพราะหัวใจของมันคือสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ที่อยากจะดูแลและใส่ใจกันและกัน

วันนี้ มีใครรอบตัวคุณบ้าง ที่อาจกำลังรอคอยการ "สอดส่องมองหา" จากคุณอยู่?

 
ที่มา : Facebook กรมสุขภาพจิต บรรยายพิเศษ "กิจกรรม Kick Off สัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ประจำปี 2568" 3 พ.ย. 2568 https://www.facebook.com/THAIDMH/videos/839115868618203

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้